ไม่ว่าใครก็มีความฝัน มีเป้าหมายที่อยากทำให้สำเร็จใช่ไหมคะ? แต่บางครั้งเราอาจรู้สึกว่าเป้าหมายชีวิตนั้นดูไกลเกินเอื้อม หรือไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร HAPPINESSO ขอเสนอวิธีตั้งเป้าหมายในชีวิตโดยใช้เทคนิค SMART Goal เครื่องมือที่จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายได้ง่ายขึ้น ช่วยปลดล็อกความสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ได้แบบไม่ยากเกินไป
SMART Goal คืออะไร
SMART Goal คือ วิธีตั้งเป้าหมายในชีวิตที่ช่วยให้เป้าหมายนั้นชัดเจนและมีโอกาสสำเร็จสูง โดย SMART ย่อมาจาก Specific (เฉพาะเจาะจง) Measurable (วัดผลได้) Achievable (บรรลุได้จริง) Relevant (มีความเกี่ยวข้อง) และ Time-bound (มีกรอบเวลา) การตั้งเป้าหมายชีวิตตามหลัก SMART Goal จะช่วยให้เรามีความชัดเจนในการวางแผนและติดตามความก้าวหน้าของเป้าหมายแต่ละอย่าง ทำให้มีโอกาสทำตามแผนที่วางเอาไว้ได้ง่ายขึ้น จะใช้ในการวางแผนชีวิตรายปีหรือตั้งเป้าหมายรายเดือนก็ได้
1. Specific (เฉพาะเจาะจง)
เป้าหมายชีวิตของเราต้องชัดเจน บอกได้ว่าต้องการอะไร ไม่คลุมเครือ เช่น ตั้งเป้าว่าอยากลดน้ำหนัก 5 กิโลกรัม แทนการบอกว่าอยากลดน้ำหนัก
2. Measurable (วัดผลได้)
เป้าหมายของเราต้องวัดผลได้ ว่าสำเร็จหรือไม่ อย่างไร เช่น หากเราอยากลดน้ำหนัก ก็ต้องสามารถชั่งน้ำหนักเป็นระยะเพื่อวัดผลได้ว่าเข้าใกล้เป้าหมายที่วางเอาไว้แล้วหรือยัง
3. Achievable (บรรลุได้จริง)
เป้าหมายของเราต้องเป็นไปได้ ไม่ยากหรือง่ายเกินไป เช่น ตั้งเป้าหมายการลดน้ำหนักว่าจะลด 5 กิโลกรัมใน 2 เดือน แบบนี้จะช่วยให้มองเห็นความเป็นไปได้มากกว่า
4. Relevant (มีความเกี่ยวข้อง)
เป้าหมายของเราต้องมีความหมาย เกี่ยวข้องกับชีวิตในแง่มุมใดแง่มุมหนึ่ง เพื่อให้เรารู้สึกว่าหากทำตามเป้าหมายชีวิตที่วางเอาไว้ได้สำเร็จ จะได้รับคุณค่าบางอย่างจากเป้าหมายนั้น เช่น ตั้งใจลดน้ำหนักเพื่อสุขภาพที่ดี อยากใส่เสื้อผ้าสวย ๆ
5. Time-bound (มีกรอบเวลา)
วิธีตั้งเป้าหมายในชีวิตแบบ SMART Goal คือต้องมีกรอบเวลา ว่าเราต้องการบรรลุเป้าหมายเมื่อไร เช่น ลดน้ำหนัก 5 กิโลกรัมภายใน 2 เดือน
ตัวอย่างการตั้ง SMART Goal
ใครยังไม่เห็นภาพวิธีตั้งเป้าหมายในชีวิตแบบ SMART Goal ลองดูตัวอย่างต่อไปนี้กันดูนะคะ
- แทนที่จะตั้งเป้าหมายว่า “อยากมีรูปร่างที่ดี” เปลี่ยนเป็น “อยากลดน้ำหนัก 5 กิโลภายใน 3 เดือน”
- แทนที่จะตั้งเป้าหมายว่า “อยากมีเงินเก็บ” เปลี่ยนเป็น “อยากเก็บเงิน 10,000 บาทภายใน 1 ปี”
- แทนที่จะตั้งเป้าหมายว่า “อยากเรียนภาษา” เปลี่ยนเป็น “อยากเรียนภาษาอังกฤษจนสามารถสื่อสารได้คล่องภายใน 6 เดือน”
นอกจากนี้การนำ SMART Goal มาใช้ในชีวิตประจำวัน ยังสามารถนำมาใช้ได้กับทุกเป้าหมาย ทั้งการตั้งเป้าหมายด้านการงานอย่าง “อยากได้โปรโมทภายใน 1 ปี” ด้านการเงินอย่าง “อยากเก็บเงินดาวน์บ้าน 500,000 บาทภายใน 5 ปี” ด้านความสัมพันธ์อย่าง “อยากใช้เวลากับครอบครัวมากขึ้น” เป็นต้น
ข้อดีของการตั้งเป้าหมายชีวิตด้วย SMART Goal คือช่วยให้เราเป้าหมายชัดเจน เป็นรูปธรรม สามารถวัดผลความคืบหน้าได้ ทำให้เรามีแรงจูงใจ และเป็นเครื่องมือช่วยให้บรรลุเป้าหมายได้ง่ายขึ้น ลองนำไปปรับใช้กับเป้าหมายของแต่ละคนดูนะคะ
เครดิตภาพ: Freepik
